จุดอ่อนคนไทย 10 อย่าง จาก ญี่ปุ่นมองคนไทย
"ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร กรุงเทพฯ)" เขาบอกว่า ไทยอาจไม่เป็นประเทศที่น่าสนใจในการลงทุนเหมือนที่ผ่านมาในสายตาของนักลงทุนญี่ปุ่นแล้ว เพราะเมืองไทยดีทุกอย่าง เสียแต่คนไทยมีจุดอ่อน ๑๐ อย่าง คือ
๑. คนไทยรู้จักหน้าที่ของตัวเองต่ำมาก โดยเฉพาะหน้าที่ต่อสังคม คือเป็นประเภทมือใครยาวสาวได้สาวเอา
เกิดเป็นธุรกิจการเมือง ธุรกิจราชการ ธุรกิจการศึกษา ทำให้ประเทศชาติล้าหลังไปเรื่อยๆ
๒. การศึกษายังไม่ทันสมัย คนไทยจะเก่งแต่ภาษาของตัวเอง ทำให้ขาดโอกาสในการแข่งขันกับต่างชาติในเวทีต่างๆ ไม่กล้าแสดงออก ขี้อาย ไม่มั่นใจในตัวเอง จึงตามหลังชาติอื่น จะเห็นว่าคนมีฐานะจะส่งลูกไปเรียนเมืองนอกเพื่อโอกาสที่ดีกว่า
๓. มองอนาคตไม่เป็น คนไทยมากกว่า ๗๐% ทำงานแบบไร้อนาคต ทำแบบวันต่อวัน แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปวันๆ น้อยคนที่จะทำงานแบบเป็นระบบ เป็นขั้นเป็นตอน มีเป้าหมายในอนาคตที่ชัดเจน
๔. ไม่จริงจังในความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ทำแบบผักชีโรยหน้า หรือทำด้วยความเกรงใจ ต่างกับคนญี่ปุ่นหรือยุโรปที่จะให้ความสำคัญกับสัญญาหรือข้อตกลงอย่างเคร่งครัด เพราะหมายถึงความเชื่อถือในระยะยาว ปัจจุบันคนไทยถูกลดเครดิตความน่าเชื่อถือด้านนี้ลงเรื่อยๆ
๕. การกระจายความเจริญยังไม่เต็มที่ ประชากรประมาณ ๖๐-๗๐% ที่อยู่ห่างไกล ขาดโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของตัวเองและชุมชน ซึ่งเป็นหน้าที่ภาครัฐต้องส่งเสริม
๖. การบังคับใช้กฎหมายไม่เข้มแข็ง และดำเนินการไม่ต่อเนื่อง ทำงานแบบลูบหน้าปะจมูก ปราบปรามไม่จริงจัง การดำเนินการตามกฎหมายกับผู้มีอำนาจหรือบริวารจะทำแบบเอาตัวรอดไปก่อน ไม่มีมาตรฐาน ต่างกับประเทศที่เจริญแล้ว ข้อนี้กระบวนการยุติธรรมจะต้องปรับปรุง
๗. อิจฉาตาร้อน สังคมไทยไม่ค่อยเป็นสุภาพบุรุษ เลี้ยงเป็นศรีธนญชัย ยกย่องคนมีอำนาจ มีเงิน โดยไม่สนใจภูมิหลัง โดยเฉพาะคนที่ล้มบนฟูกแล้วไปเกาะผู้มีอำนาจ เอาตัวรอด คนพวกนี้ร้ายยิ่งกว่าผู้ก่อการร้าย ดีแต่พูด มือไม่พายเอาเท้ารานํ้า ทำให้คนดีไม่กล้าเข้ามา เพราะกลัวเปลืองตัว
๘. เอ็นจีโอค้านลูกเดียว NGO บางกลุ่ม อิงอยู่กับผลประโยชน์ NGO ดีๆ ก็มี แต่มีน้อย บ่อยครั้งที่ประเทศไทยเสียโอกาสอย่างมหาศาล เพราะการค้านหัวชนฝา เหตุผลจริงๆ ไม่ได้พูดกัน
๙. ยังไม่พร้อมในเวทีโลก การสร้างความน่าเชื่อถือในเวทีการค้าระดับโลกของไทยยังขาดทักษะและทีมเวิร์กที่ดี ทำให้สู้ประเทศเล็กๆ อย่างสิงคโปร์ไม่ได้
๑๐. เลี้ยงลูกไม่เป็น ปัจจุบันเด็กไทยขาดความอดทน ไม่มีภูมิคุ้มกัน เป็นขี้โรคทางจิตใจ ไม่เข้มแข็ง เพราะเราเลี้ยงลูกแบบไข่ในหิน ไม่สอนให้ลูกช่วยตัวเอง ต่างกับชาติที่เจริญแล้ว เขาจะกระตือรือร้นช่วยตนเอง ขวนขวาย แสวงหา ค้นหาตัวเอง และจะสอนให้สำนึกรับผิดชอบต่อสังคม
เป็นไง...เขามองคนไทยทะลุมั้ย ผมว่า "พรุนทั้งตัว" ด้วยซ้ำ จะหวัง คสช.อุดรูพรุนด้วยปฏิรูป ก็กลัว "อกหักตอนแก่"...เฮ้อ!
…. เปลว สีเงิน (ไทยโพสท์) 16 สค 2557
จุดอ่อนคนไทย 10 อย่าง จาก ญี่ปุ่นมองคนไทย
Moderator: mindphp, ผู้ดูแลกระดาน
- mindphp
- ผู้ดูแลระบบ MindPHP
- โพสต์: 41344
- ลงทะเบียนเมื่อ: 22/09/2008 6:18 pm
- ติดต่อ:
จุดอ่อนคนไทย 10 อย่าง จาก ญี่ปุ่นมองคนไทย
ติดตาม VDO: http://www.youtube.com/c/MindphpVideoman
ติดตาม FB: https://www.facebook.com/pages/MindphpC ... 9517401606
หมวดแชร์ความรู้: https://www.mindphp.com/forums/viewforum.php?f=29
รับอบรม และพัฒนาระบบ: https://www.mindphp.com/forums/viewtopic.php?f=6&t=2042
ติดตาม FB: https://www.facebook.com/pages/MindphpC ... 9517401606
หมวดแชร์ความรู้: https://www.mindphp.com/forums/viewforum.php?f=29
รับอบรม และพัฒนาระบบ: https://www.mindphp.com/forums/viewtopic.php?f=6&t=2042
- jataz2
- PHP Super Member
- โพสต์: 275
- ลงทะเบียนเมื่อ: 22/02/2011 11:48 am
Re: จุดอ่อนคนไทย 10 อย่าง จาก ญี่ปุ่นมองคนไทย
คนในประเทศไทยส่วนมาก เป็นคนเก่งที่มองเห็นแต่ปัญหาครับ เรียกได้ว่าพ่นลงหนังสือ เเล้วจบแค่นั้น ไม่ค่อยนำเสนอวิธีแก้ปัญหา ที่เป็นรูปธรรมทำตามได้จริงๆ
ผมเสนอวิธีที่ได้ผลเเละเห็นได้ชัดเจนเเน่นอนครับ เเต่ต้องทำจริงจัง
คือ 1. ยกเลิกการให้ลงอาญา ถ้าทำผิด ไม่มีการรอลงอาญา ถ้าผิดจริงก็ติดคุกไปเลย มากน้อย เเล้วเเต่ดุรพินิจของศาล เช่นโทษติดคุก 6 เดือน แต่ทำผิดครั้่งเเรกศาลอาจมีคำตัดสินให้ติดทุกเพียง 7 วันเเทนการรอลงอาญา เพราะติดคุกจริงคนจะได้กลัว ไม่ว่ารวย หรือ จน กลัวติดคุกทั้งหมด เเละการติดเพียง 7 วันไม่ทำให้ถุกไล่ออกจากงาน เพราะขาดงานไม่มากเกินไป จะอ้างว่าจะทำให้คนดีที่พรั้งพลาดหมดอนาคตเพราะติดคุกไม่ได้
2. เพิ่มสวัสดิการให้ตำรวจ ให้มากขึ้น เฉลี่ยนเงินเดือนต้องได้ 3 หมื่นขึ้นไป เพิ่มบทลงโทษตำรวจรับส่วยคือ ไล่ออกทันที เพราะปรับฐานเงินให้แล้ว ปีนึงมีคนตั้งใจสอบเข้าตำรวจมากมาย ไล่ออกก็รับเพิ่มตามอัตรา
3. นักการเมือง ให้เพิ่มศาลนักการเมืองให้มีครบ 3 ศาล ไม่ใช่เเค่ศาลฎีกาเเผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมืองแค่ศาลเดียว ให้ต่อสู้ได้เต็มที่ 3 ศาลเเต่นักการเมือง ถ้าทุจริต จริงๆ ติดคุก โทษเพิ่มเป็น 2 เท่าของอัตรโทษปกติ เพราะส่งผลเสียหายกว้างกว่า และกำหนดระยะเวลาตัดสินไม่นาน 1 ปีควรให้เสร็จในเเต่ละศาล ถ้ารวม 3 ศาลต้องไม่เกิน 3 ปี คดีที่เนิ่นนานเกินไปไม่เป็นผลดี เพราะถ้ายังไม่ถึงที่สุด เขายังเป็นผู้บริสุทธิ ยังคดโกงต่ออีกยาวนาน ถ้าคดีไม่ถึงที่สุด
4. ข้าราชการที่ทุจริตต่อหน้าที่ มีโทษ 2 แบบคือถ้าโทษหนักจริงให้ไล่ออก ถ้าโทษเบา ยังพอให้โอกาสได้ ให้ใช้วิธีตัดสวัสดิการไปเรื่อยๆ
1 ไม่ปรับขึ้นเงินเดือน 5 ปี
2 ตัดบำนาญออก
3 ตัดค่ารักษาพยาบาลฟรีออก
ถ้ายังคงรับราชการต่อไป ก็ทำต่อไป
คือบีบกลายๆ เพราะเราไม่อยากได้ข้าราชการเลวๆเข้ามาทำงาน มีคนพร้อมสอบมากมาย คนโกงจะเก็บไว้ทำไม
คนที่ทุจริตกันได้ เพราะมีข้าราชการให้การช่วยเหลือ ในทุกกระบวนการ ถ้าข้าราชการยอมเสี่ยงรับส่วยก็ต้องยอมรับโทษที่รุนแรงถ้าถูกจับได้ว่าทำผิด
5. การพิจารณาในการปรับตำเเหน่งของราชการที่ไม่เป็นธรรมเล่นพรรคเล่นพวก แก้ไขโดยให้ใช้บุคคลจากหลากหลายฝ่ายที่เกียวข้อง ไม่ใช่หัวหน้าเพียงคนเดียวตัดสิน และเปิดเผยผลการประเมินพร้อมกันในที่แจ้ง
ให้เห็นชัดเจนในทุกหัวข้อ ต่อสาธารณะชน ให้หัวหน้าพิจาณาคนเดียวเสี่ยงต่อการเล่นพรรคพวก
การบังคับใช้กฏหมายชัดเจน เท่าเทียม เท่ากันทุกคน คนดีก็ใช้ชีวิตปกติ คนโกงก็ติดคุก ชัดเจนเเละง่ายดาย คนทำผิดถ้าคิดติดสินบัน ตำรวจ ถ้าถูกจับได้ คนติดสินบนติดคุก ตำรวจโดนไล่ออก เพราะปรับเงินเดือนขึ้นให้แล้ว
เวลาปรับเลื่อนตำเเหน่งก็ใช้ผลงาน ไม่พรรคพวก คนดีมีกำลังใจทำงาน คนโกงโดนไล่ออกไป เปิดรับใหม่คนอื่นๆรอสอบมากมาย
ถ้าทำแบบนี้ไม่เจริญขึ้น อย่างน้อยที่สุด คนทำผิดก็ติอทุกได้รับผลจากการกระทำของตนเอง
จบ.
ผมเสนอวิธีที่ได้ผลเเละเห็นได้ชัดเจนเเน่นอนครับ เเต่ต้องทำจริงจัง
คือ 1. ยกเลิกการให้ลงอาญา ถ้าทำผิด ไม่มีการรอลงอาญา ถ้าผิดจริงก็ติดคุกไปเลย มากน้อย เเล้วเเต่ดุรพินิจของศาล เช่นโทษติดคุก 6 เดือน แต่ทำผิดครั้่งเเรกศาลอาจมีคำตัดสินให้ติดทุกเพียง 7 วันเเทนการรอลงอาญา เพราะติดคุกจริงคนจะได้กลัว ไม่ว่ารวย หรือ จน กลัวติดคุกทั้งหมด เเละการติดเพียง 7 วันไม่ทำให้ถุกไล่ออกจากงาน เพราะขาดงานไม่มากเกินไป จะอ้างว่าจะทำให้คนดีที่พรั้งพลาดหมดอนาคตเพราะติดคุกไม่ได้
2. เพิ่มสวัสดิการให้ตำรวจ ให้มากขึ้น เฉลี่ยนเงินเดือนต้องได้ 3 หมื่นขึ้นไป เพิ่มบทลงโทษตำรวจรับส่วยคือ ไล่ออกทันที เพราะปรับฐานเงินให้แล้ว ปีนึงมีคนตั้งใจสอบเข้าตำรวจมากมาย ไล่ออกก็รับเพิ่มตามอัตรา
3. นักการเมือง ให้เพิ่มศาลนักการเมืองให้มีครบ 3 ศาล ไม่ใช่เเค่ศาลฎีกาเเผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมืองแค่ศาลเดียว ให้ต่อสู้ได้เต็มที่ 3 ศาลเเต่นักการเมือง ถ้าทุจริต จริงๆ ติดคุก โทษเพิ่มเป็น 2 เท่าของอัตรโทษปกติ เพราะส่งผลเสียหายกว้างกว่า และกำหนดระยะเวลาตัดสินไม่นาน 1 ปีควรให้เสร็จในเเต่ละศาล ถ้ารวม 3 ศาลต้องไม่เกิน 3 ปี คดีที่เนิ่นนานเกินไปไม่เป็นผลดี เพราะถ้ายังไม่ถึงที่สุด เขายังเป็นผู้บริสุทธิ ยังคดโกงต่ออีกยาวนาน ถ้าคดีไม่ถึงที่สุด
4. ข้าราชการที่ทุจริตต่อหน้าที่ มีโทษ 2 แบบคือถ้าโทษหนักจริงให้ไล่ออก ถ้าโทษเบา ยังพอให้โอกาสได้ ให้ใช้วิธีตัดสวัสดิการไปเรื่อยๆ
1 ไม่ปรับขึ้นเงินเดือน 5 ปี
2 ตัดบำนาญออก
3 ตัดค่ารักษาพยาบาลฟรีออก
ถ้ายังคงรับราชการต่อไป ก็ทำต่อไป
คือบีบกลายๆ เพราะเราไม่อยากได้ข้าราชการเลวๆเข้ามาทำงาน มีคนพร้อมสอบมากมาย คนโกงจะเก็บไว้ทำไม
คนที่ทุจริตกันได้ เพราะมีข้าราชการให้การช่วยเหลือ ในทุกกระบวนการ ถ้าข้าราชการยอมเสี่ยงรับส่วยก็ต้องยอมรับโทษที่รุนแรงถ้าถูกจับได้ว่าทำผิด
5. การพิจารณาในการปรับตำเเหน่งของราชการที่ไม่เป็นธรรมเล่นพรรคเล่นพวก แก้ไขโดยให้ใช้บุคคลจากหลากหลายฝ่ายที่เกียวข้อง ไม่ใช่หัวหน้าเพียงคนเดียวตัดสิน และเปิดเผยผลการประเมินพร้อมกันในที่แจ้ง
ให้เห็นชัดเจนในทุกหัวข้อ ต่อสาธารณะชน ให้หัวหน้าพิจาณาคนเดียวเสี่ยงต่อการเล่นพรรคพวก
การบังคับใช้กฏหมายชัดเจน เท่าเทียม เท่ากันทุกคน คนดีก็ใช้ชีวิตปกติ คนโกงก็ติดคุก ชัดเจนเเละง่ายดาย คนทำผิดถ้าคิดติดสินบัน ตำรวจ ถ้าถูกจับได้ คนติดสินบนติดคุก ตำรวจโดนไล่ออก เพราะปรับเงินเดือนขึ้นให้แล้ว
เวลาปรับเลื่อนตำเเหน่งก็ใช้ผลงาน ไม่พรรคพวก คนดีมีกำลังใจทำงาน คนโกงโดนไล่ออกไป เปิดรับใหม่คนอื่นๆรอสอบมากมาย
ถ้าทำแบบนี้ไม่เจริญขึ้น อย่างน้อยที่สุด คนทำผิดก็ติอทุกได้รับผลจากการกระทำของตนเอง
จบ.
ผู้ใช้งานขณะนี้
สมาชิกกำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และบุคลทั่วไป 77