OpenStack พร้อมนำ Liberty มาสู่ Cloud

พูดคุยเรื่องทั่วไป จับฉ่าย โหลดโปรแกรม หมวดนี้มีโปรแกรมให้โหลด แนะนำโปรแกรม ให้โหลด โปรแกรม ฟรีต่างๆ แนะนำ ค้นหา ดาวน์โหลดไปใช้ได้จากที่นี่ พุดคุยเรื่องทั่วไปคลายเครียด

Moderator: mindphp, ผู้ดูแลกระดาน

kubarnaza
PHP Jr. Member
PHP Jr. Member
โพสต์: 15
ลงทะเบียนเมื่อ: 25/09/2017 2:31 pm

OpenStack พร้อมนำ Liberty มาสู่ Cloud

โพสต์ที่ยังไม่ได้อ่าน โดย kubarnaza »

ปัจจุบัน Amazon Web Service (AWS) ถือว่ากำลังเป็นอันดับต้นๆ ของตลาด Public Cloud แต่หากพูดถึง Private Cloud แล้ว ก็ต้องถือว่า OpenStack เป็น Open Source ที่รองรับการทำงาน Private Cloud ได้ดีที่สุดในเวลานี้

โดยอาจกล่าวได้เลยว่าไม่มี Cloud Technology Platform ใดๆ ที่จะได้รับการสนับสนุนได้มากเท่า OpenStack ซึ่ง OpenStack นั้นเกิดมาจากการร่วมมือกันของ NASA และ Rackspace ในปี 2010 ก่อนที่จะมีการเติบโตขึ้นในฐานะ Open source ซึ่งมีผู้ให้การสนับสนุนมากมาย ทั้ง HP, IBM, Intel, Cisco, Dell, EMC, VMware, Symantec, Huawei, และ Yahoo


ใครใช้ OpenStack บ้าง?

ผู้ให้การสนับสนุนจำนวนมากเหล่านี้ เป็นเพียงแค่ครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ใช้งาน OpenStack เท่านั้น ซึ่งภายในงาน OpenStack Summit ที่ Vancouver ที่ผ่านมา ผู้ค้าระดับโลกอย่าง Walmart ได้ออกมาพูดถึงการใช้งาน OpenStack กับระบบการจัดการ Ecommerce ว่าสามารถสร้างความสำเร็จมหาศาลได้อย่างไร นอกจากนี้ OpenStack ยังเป็นเบื้องหลังความสำเร็จของทั้ง eBay, Paypal, Comcast, Time Warner Cable และ Bestbuy ส่วนทาง NASA เองก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสาวกผู้ที่กำลังใช้ OpenStack เป็นรากฐานพัฒนาเทคโนโลยีพามนุษย์ไปสู่ดาวอังคารนั่นเอง

เมื่อเราพอจะมองเห็นภาพกว้างๆ แล้วว่า OpenStack ถูกใช้โดยใครและใช้ทำอะไรบ้างแล้วนั้น ต่อมาก็จะต้องมาทำความเข้าใจกันหน่อยว่าแท้จริงแล้ว OpenStack ไม่ใช่ Homogeneous Cloud Product หรือผลิตภัณฑ์ Cloud ที่อยู่ภายใต้ผู้ให้บริการรายเดียวแบบเสร็จสรรพ ตั้งแต่ Hypervisor ยัน Management Layer (* อ้างอิงจาก bmc.com/blogs/what-price-homogeneity/) และ OpenStack ก็ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ Virtualization Hypervisor แต่อย่างใด

OpenStack นั้นเป็นเพียงแพลตฟอร์มผสานการทำงาน หรือ Integration Platform เท่านั้น โดย OpenStack จะเป็น Framework ที่มาพร้อมกับ API และ Tool สำหรับ Cloud Service พวก Product และ Technology ต่างๆ จะถูก Integrate และ Deploy ภายใน Framework นี้ เพื่อสร้าง OpenStack Cloud ขึ้นมา

ผู้ให้บริการบิดเบือนความหมายของ Cloud

ความหมายที่แท้จริงของ Cloud ได้ถูกบิดเบือนไปโดยเหล่าผู้ให้บริการ เพื่อให้เข้ากับจุดประสงค์การขายสินค้าของตน และสำหรับ Cloud ของ OpenStack นั้น จะขอยึดเอาตามคำจำกัดความจาก Amandeep Singh Juneja ผู้เป็น Senior Director ด้าน Cloud Engineering ที่ Walmart Labs คือ “Cloud นำมาซึ่งความยืนหยุ่นและการทำงานอย่างต่อเนื่องของระบบ Infrastructure”

ทั้งนี้ทั้งนั้นทาง OpenStack เองก็ได้นำเสนอ Framework ที่จะทำให้ ระบบ Infrastructure ทำงานได้อย่างต่อเนื่องและยืดหยุ่นเช่นเดียวกัน

นิยามใหม่ของ OpenStack Cloud

แรกเริ่มเดิมที OpenStack มีอยู่ 2 โปรเจ็กต์ได้แก่ Nova Compute Project และ Swift Storage ซึ่ง Nova จะทำให้ Cloud Operator สามารถเลือกการ Deploy ได้จาก Hypervisor และ Virtualization Technology หลายๆ แบบ ไม่ว่าจะ ESX ของ VMware, Open Source อย่าง KVM และ Xen Hypervisor หรือกระทั้ง Hyper-V ของ Microsoft ก็สามารถนำมา Deploy ใน Nova ได้เช่นกัน

หลังจากนั้น OpenStack ก็ได้ขยาย Project โดยการเพิ่มโปรเจ็กต์ใหม่ๆ เข้าไปภายใต้สิ่งที่รู้จักกันในชื่อ OpenStack Integrated Release สำหรับ OpenStack Kilo ที่ปล่อยออกมาไม่นานนี้ มีการผสานรวมหลายๆ โปรเจ็กต์เข้าด้วยกัน ซึ่งได้แก่ Nova compute, Swift object storage, Cinder block storage, Keystone identity, Horizon dashboard, Glance image, Neutron networking, Trove database, Sahara Big Data, Heat orchestration, Ceilometer monitoring และ Ironic Bare Metal projects

ความท้าทายของ Integrated Release ก็คือ ในการใช้งาน #OpenStack Cloud เราไม่ได้ใช้สิ่งที่อยู่ใน Integrated Release ครบทั้งหมด เริ่มด้วย Liberty Release ที่จะทำให้เกิดนิยามใหม่ขึ้นสำหรับ OpenStack แล้วไหนจะ DefCore Project ส่วนสำคัญที่ต้องเข้าไปอยู่ใน Cloud เพื่อให้สามารถเรียกได้ว่าเป็น OpenStack Cloud นอกจากนี้ยังมี Big Tent ซึ่งเต็มไปด้วยสารพัดโปรเจ็กต์ให้ผู้ใช้หรือผู้ให้บริการ Cloud ได้เลือกสรร

ทั้งนี้ Big Tent ได้เปลี่ยนคำนิยามของ OpenStack Cloud ไปเสียหมด ทั้งเรื่องที่ OpenStack Cloud คืออะไร และสามารถทำอะไรได้บ้าง นั่นหมายความว่า Liberty ที่ปล่อยออกมาก็จะสร้างความแตกต่างมหาศาลให้กับ OpenStack เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม DefCore ยังคงเป็นส่วนที่ขาดไม่ได้ ทั้ง Keystone Identity service และ API เพราะ Keystone คือตัวเปิดการทำงานของ Federated Identity หรือ การพิสูจน์ตัวตนแบบรวมศูนย์ ใน OpenStack Cloud ด้วยไอเดียที่จะให้ OpenStack Foundation กลายมาเป็น OpenStack Powered Planet คือ ให้เกิดศูนย์กลางการใช้งาน OpenStack ทั่วโลกนั่นเอง
  • Similar Topics
    ตอบกลับ
    แสดง
    โพสต์ล่าสุด

ผู้ใช้งานขณะนี้

สมาชิกกำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และบุคลทั่วไป 134