รันสคริปต์ requests.post บน Python3 เจอบัค - 404 Client Error

[newmae]

ฉันกำลังตรวจการทำงานใน python2 กับ python3 สคริปต์ส่วนนี้

โค้ด: เลือกทั้งหมด

response = requests.post(link_auth, headers=headers, data=data)

ซึ่งทำงานใน method

โค้ด: เลือกทั้งหมด

@app.route('/gentokenuser')
@auth.login_required
def gentokenuser():
    cur = con.cursor()
    sql = """SELECT * FROM "user" WHERE username = %s;"""
    try:
        cur.execute(sql, (auth.username(),))
        results = cur.fetchone()
        if not results:
            return jsonify({'error': 'User not found'}), 404

        link_auth = 'http://{}:{}/auth'.format(ip, port)
        headers = {
            'Content-Type': 'application/json',
        }
        data = {
            'username': results[3],
            'password': results[4]
        }
        response = requests.post(link_auth, headers=headers, json=data)
        response.raise_for_status()
        token_user = response.json().get('access_token')

        if not token_user:
            return jsonify({'error': 'Token not received'}), 400

        sql_update = """UPDATE public."user" SET token = %s WHERE id = %s;"""
        cur.execute(sql_update, (token_user, results[0]))
        con.commit()
    except requests.exceptions.RequestException as e:
        return jsonify({'error': 'HTTP Request failed', 'details': str(e)}), 500
    except p.DatabaseError as e:
        return jsonify({'error': 'Database error', 'details': str(e)}), 500
    except Exception as e:
        return jsonify({'error': 'An unexpected error occurred', 'details': str(e)}), 500

    return jsonify({'access_token': token_user})

python2 สามารถทำงานและรับ token ได้สำเร็จ

หากแต่เมื่อฉันทำการทดสอบบน python3 เจอบัค

{
"details": "404 Client Error: NOT FOUND for url: http://127.0.0.1:5005/auth",
"error": "HTTP Request failed"
}

โดยสิ่งแวดล้อมทุกอย่างเหมือนกันหมด

auth = HTTPBasicAuth()

ต่างกันในส่วนของ Python2
jwt = JWT(app, authenticate, identity)
import จาก from flask_jwt import JWT

ในส่วนของ Python3
jwt = JWTManager(app)
import จาก from flask_jwt_extended import JWTManager

ขอทราบปัญหาและแนวทางในการแก้ไขครับ

[noncup302]

ฉันกำลังตรวจการทำงานใน python2 กับ python3 สคริปต์การทำงานส่วนนี้


response = requests.post(link_auth, headers=headers, data=data)

และนี่คือตัวอย่างการทำงานภายใน method ที่ฉันได้เขียนขึ้น

@app.route('/gentokenuser')
@auth.login_required
def gentokenuser():
cur = con.cursor()
sql = """SELECT * FROM "user" WHERE username = %s;"""
try:
cur.execute(sql, (auth.username(),))
results = cur.fetchone()
if not results:
return jsonify({'error': 'User not found'}), 404

link_auth = 'http://{}:{}/auth'.format(ip, port)
headers = {
'Content-Type': 'application/json',
}
data = {
'username': results[3],
'password': results[4]
}
response = requests.post(link_auth, headers=headers, json=data)
response.raise_for_status()
token_user = response.json().get('access_token')

if not token_user:
return jsonify({'error': 'Token not received'}), 400

sql_update = """UPDATE public."user" SET token = %s WHERE id = %s;"""
cur.execute(sql_update, (token_user, results[0]))
con.commit()
except requests.exceptions.RequestException as e:
return jsonify({'error': 'HTTP Request failed', 'details': str(e)}), 500
except p.DatabaseError as e:
return jsonify({'error': 'Database error', 'details': str(e)}), 500
except Exception as e:
return jsonify({'error': 'An unexpected error occurred', 'details': str(e)}), 500

return jsonify({'access_token': token_user})

โดยไฟล์นี้ฉันสามารถรันการทำงานบน python2 ได้แต่ ไม่สามารถรันบน python version3 ได้ระบบแจ้ง Error ตามนี้

{
"details": "404 Client Error: NOT FOUND for url: http://127.0.0.1:5005/auth",
"error": "HTTP Request failed"
}

โดยสิ่งแวดล้อมทุกอย่างเหมือนกันหมด

auth = HTTPBasicAuth()

ต่างกันในส่วนของ Python2
jwt = JWT(app, authenticate, identity)
import จาก from flask_jwt import JWT

ในส่วนของ Python3
jwt = JWTManager(app)
import จาก from flask_jwt_extended import JWTManager


ปัญหานี้คืออะไรมีแนวทางแก้ไขไหม ให้ตรวจสอบจาก code ที่แจ้งไปพร้อมแนะนำการทำงานที่สามารถใช้งานได้จริงพร้อมอธิบายแบบละเอียดให้ฉันเข้าใจมันที

[MindPHP Assistant]

ปัญหาที่คุณพบเป็นเรื่องของการที่ URL ที่คุณพยายามเข้าถึง (`http://127.0.0.1:5005/auth`) ไม่สามารถถูกพบ (404 Not Found) ในการทำงานของ Python 3 แต่สามารถทำงานได้ใน Python 2 ทั้งนี้ หมายความว่าเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ที่ `http://127.0.0.1:5005/` ไม่ได้ให้บริการหรือไม่มี endpoint `/auth` เมื่อคุณเรียกใช้มันใน Python 3

เพื่อทำความเข้าใจและแก้ไขปัญหานี้ เราต้องตรวจสอบสิ่งต่อไปนี้:

1. **ตรวจสอบว่าเซิร์ฟเวอร์เปิดใช้งานอยู่หรือไม่**:
- ตรวจสอบว่าเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ที่ `127.0.0.1:5005` เปิดใช้งานอยู่หรือไม่ โดยการใช้คำสั่งเช่น `curl` หรือ `requests.get` เพื่อเช็คว่าเซิร์ฟเวอร์ให้บริการอยู่หรือไม่

โค้ด: เลือกทั้งหมด

python
      import requests

      try:
          response = requests.get('http://127.0.0.1:5005/')
          print(response.status_code)
      except requests.exceptions.RequestException as e:
          print(e)
      

2. **ตรวจสอบ endpoint `/auth`**:
- ตรวจสอบว่ามี endpoint `/auth` ที่เปิดให้บริการบนเซิร์ฟเวอร์หรือไม่ โดยการเรียกใช้ endpoint นี้โดยตรงและดูว่ามีการตอบสนองอย่างไร

โค้ด: เลือกทั้งหมด

python
      import requests

      try:
          response = requests.get('http://127.0.0.1:5005/auth')
          print(response.status_code)
      except requests.exceptions.RequestException as e:
          print(e)
      

3. **ตรวจสอบการตั้งค่า Flask Application**:
- ตรวจสอบการตั้งค่า Flask Application สำหรับ Python 3 ว่ามีการตั้งค่า endpoint `/auth` หรือไม่

- ตัวอย่างการตั้งค่า endpoint ใน Flask:

โค้ด: เลือกทั้งหมด

python
      from flask import Flask, jsonify, request
      from flask_jwt_extended import JWTManager, create_access_token

      app = Flask(__name__)
      app.config['JWT_SECRET_KEY'] = 'your-jwt-secret-key'  # เปลี่ยนเป็น secret key ของคุณเอง
      jwt = JWTManager(app)

      @app.route('/auth', methods=['POST'])
      def auth():
          username = request.json.get('username', None)
          password = request.json.get('password', None)
          # ตรวจสอบ username และ password ที่นี่
          if username != 'test' or password != 'test':
              return jsonify({"msg": "Bad username or password"}), 401
          
          access_token = create_access_token(identity=username)
          return jsonify(access_token=access_token), 200

      if __name__ == '__main__':
          app.run(port=5005)
      

4. **ตรวจสอบการตั้งค่า Environment**:
- ตรวจสอบว่าการตั้งค่า Environment ของ Python 2 และ Python 3 เหมือนกัน เช่นการตั้งค่าตัวแปร `ip` และ `port` ในสคริปต์ของคุณ

5. **ตรวจสอบ Dependency**:
- ตรวจสอบว่าคุณได้ติดตั้งไลบรารีที่จำเป็นทั้งหมดใน Python 3 แล้วโดยการใช้คำสั่ง `pip list` และตรวจสอบว่ามีไลบรารีที่จำเป็นเช่น `flask`, `requests`, `flask_jwt_extended` ติดตั้งแล้ว

โค้ด: เลือกทั้งหมด

sh
    pip list
    

หากทุกอย่างยังไม่สามารถทำงานได้ คุณอาจต้องตรวจสอบ logs ของเซิร์ฟเวอร์ Flask เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมว่าทำไม endpoint `/auth` ถึงไม่สามารถถูกพบได้ใน Python 3

[mindphp]

จะเปิดทดสอบ python2 กับ 3 พร้อมกันใน port เดียวกันไม่ได้
ลองเปลี่ยน port ที่รัน ของ 3 เป็น port อื่น แล้วใช้โค้ดแนทุดอย่างเหมือนกัน

[newmae]

จะเปิดทดสอบ python2 กับ 3 พร้อมกันใน port เดียวกันไม่ได้
ลองเปลี่ยน port ที่รัน ของ 3 เป็น port อื่น แล้วใช้โค้ดแนทุดอย่างเหมือนกัน

ครับได้ลองเปลี่ยนไปใช้คนละพอร์ทตอนทดสอบทำงาน แล้วไม่สามารถทำงานเหมือนเดิมครับ

{
"details": "404 Client Error: NOT FOUND for url: http://127.0.0.1:5000/auth",
"error": "HTTP Request failed"
}

[newmae]

ได้ลองทำการแก้ไขตามวิธีที่ได้รับคำแนะนำ จาก MindPHP Assistant

3. **ตรวจสอบการตั้งค่า Flask Application**:
- ตรวจสอบการตั้งค่า Flask Application สำหรับ Python 3 ว่ามีการตั้งค่า endpoint `/auth` หรือไม่

- ตัวอย่างการตั้งค่า endpoint ใน Flask:

โค้ด: เลือกทั้งหมด

python
      from flask import Flask, jsonify, request
      from flask_jwt_extended import JWTManager, create_access_token

      app = Flask(__name__)
      app.config['JWT_SECRET_KEY'] = 'your-jwt-secret-key'  # เปลี่ยนเป็น secret key ของคุณเอง
      jwt = JWTManager(app)

      @app.route('/auth', methods=['POST'])
      def auth():
          username = request.json.get('username', None)
          password = request.json.get('password', None)
          # ตรวจสอบ username และ password ที่นี่
          if username != 'test' or password != 'test':
              return jsonify({"msg": "Bad username or password"}), 401
          
          access_token = create_access_token(identity=username)
          return jsonify(access_token=access_token), 200

      if __name__ == '__main__':
          app.run(port=5005)
      

แต่ได้ token ที่มีความยาวเกิน หน่วยความจำที่ได้สำรองไว้ ทำให้ต้องไปแก้โครงสร้างของ ของดาต้าดาเบสครับ
เนื่องจาก token ที่ได้จาก flask-jwt-extended จะยาวกว่า flask-jwt เนื่องจากข้อมูลใน payload จะเยอะกว่า

[newmae]

ฉันได้ทำการเพิ่มตามคำแนะนำ นี่คือโค้ดที่ฉันได้เพิ่มเข้าไป
และนี่คือตัวอย่างใน method ที่ฉันได้เขียนขึ้นมา
@app.route('/auth', methods=['POST'])
def auth_endpoint():
data = request.json
username = data.get('username')
password = data.get('password')
cur = con.cursor()
try:
sql = """SELECT id, password FROM "user" WHERE username = %s"""
cur.execute(sql, (username,))
result = cur.fetchone()

if result:
user_id, db_password = result
if password == db_password:
access_token = create_access_token(identity={'username': username})
return jsonify(access_token=access_token), 200
else:
return jsonify({"msg": "Invalid credentials"}), 401
finally:
cur.close()

ฉันรันมันสำเร็จ และได้ token มาแล้ว

{
"eyJhbGciOiJIUzI1NiIsInR5cCI6IkpXVCJ9.eyJmcmVzaCI6ZmFsc2UsImlhdCI6MTcxODM0MzM2NSwianRpIjoiZWZlMzI1ZmItNWE4NS00OTU2LTkyZTUtODE3ZWRlNDk0M2NhIiwidHlwZSI6ImFjY2VzcyIsInN1YiI6InRlc3QiLCJuYmYiOjE3MTgzNDMzNjUsImNzcmYiOiI4ODJjYzY5MC0yMzQ0LTRkNmYtODBjMS0wMDc3YzA0M2I2NzkiLCJleHAiOjE3MTgzNDQyNjV9.geqOda0NZilF-Y_kewmrN1mJGv93Utix134qyOYkc20"
}

แต่มันมีความยาวมาก จึงไม่พอต่อหน่วยความจำที่ฉันได้สร้างไว้ ซึ่งฉันไม่อยากแก้ชนิด column ในโครงสร้างของดาต้าเบส
มีแนวทางแก้ไขทางอื่นไหม ที่ไม่ต้องแก้ไขชนิด column ในโครงสร้างของดาต้าเบส ฉันสามารถปรับปรุงโค้ดที่ฉันได้เขียนอย่างไรบ้าง ช่วยแนะนำการทำงานที่สามารถใช้งานได้จริงพร้อมอธิบายแบบละเอียดให้ฉันเข้าใจมันที

[MindPHP Assistant]

เนื่องจาก JWT token โดยปกติแล้วจะมีขนาดค่อนข้างยาวและหากคุณไม่ต้องการแก้ไขโครงสร้างของดาต้าเบสเพื่อรองรับ JWT token ที่มีขนาดยาว คุณสามารถใช้วิธีการเก็บ JWT token ไว้ในที่อื่นและเก็บเพียงตัวชี้ไปยังตำแหน่งที่เก็บ token นั้นในดาต้าเบสของคุณได้

ตัวอย่างวิธีการที่เป็นไปได้คือการใช้ Redis ซึ่งเป็นฐานข้อมูลแบบ in-memory ที่สามารถเก็บข้อมูลแบบชั่วคราว (เช่น session หรือ token) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยคุณจะสามารถเก็บ JWT token ไว้ใน Redis และเก็บเพียงตัวชี้ (เช่น UUID) ไปยังตำแหน่งที่เก็บ token นั้นใน Redis ไว้ในฐานข้อมูล PostgreSQL ของคุณได้

นี่คือขั้นตอนที่สามารถทำได้:

1. ติดตั้ง Redis และไลบรารี redis-py:

โค้ด: เลือกทั้งหมด

bash
    pip install redis
    

2. สร้างการเชื่อมต่อกับ Redis ในโค้ด Python ของคุณ:

โค้ด: เลือกทั้งหมด

python
    import redis

    redis_client = redis.Redis(host='localhost', port=6379, db=0)
    

3. ปรับปรุงโค้ดของคุณเพื่อเก็บ JWT token ใน Redis และเก็บ UUID ใน PostgreSQL:

โค้ด: เลือกทั้งหมด

python
    import uuid

    @app.route('/auth', methods=['POST'])
    def auth_endpoint():
        data = request.json
        username = data.get('username')
        password = data.get('password')
        cur = con.cursor()
        try:
            sql = """SELECT id, password FROM "user" WHERE username = %s"""
            cur.execute(sql, (username,))
            result = cur.fetchone()

            if result:
                user_id, db_password = result
                if password == db_password:  
                    access_token = create_access_token(identity={'username': username})
                    token_uuid = str(uuid.uuid4())  # สร้าง UUID

                    # เก็บ JWT token ไว้ใน Redis โดยใช้ UUID เป็น key
                    redis_client.set(token_uuid, access_token, ex=3600)  # กำหนด TTL 1 ชั่วโมง (3600 วินาที) 

                    return jsonify(token_uuid=token_uuid), 200
                else:
                    return jsonify({"msg": "Invalid credentials"}), 401
            else:
                return jsonify({"msg": "Invalid credentials"}), 401
        finally:
            cur.close()
    

4. เมื่อต้องการใช้งาน JWT token คุณสามารถดึงมันออกมาจาก Redis โดยใช้ UUID:

โค้ด: เลือกทั้งหมด

python
    @app.route('/protected', methods=['GET'])
    @jwt_required()
    def protected():
        token_uuid = request.headers.get('Authorization').split(" ")[1]  # สมมติว่า UUID ถูกส่งใน header Authorization
        access_token = redis_client.get(token_uuid)

        if not access_token:
            return jsonify({"msg": "Token is invalid or expired"}), 401

        # ดำเนินการต่อเมื่อ token ถูกต้อง
        return jsonify({"msg": "Protected endpoint"}), 200
    

การใช้ Redis เป็นอีกวิธีหนึ่งในการจัดการกับปัญหาที่ JWT token มีขนาดยาวเกินกว่าที่จะเก็บในฐานข้อมูลแบบดั้งเดิมได้ และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงข้อมูลและการจัดการ session tokens ได้อีกด้วย

[newmae]

ฉันได้ทำตามคำแนะนำแล้ว แต่ไม่สำเร็จ ฉันได้ได้รับ error ตามข้างล่างนี้

redis.exceptions.ConnectionError: Connection closed by server

ปัญหานี้คืออะไรมีแนวทางแก้ไขไหม ฉันได้ทำข้ามขั้นตอนไหนหรือเปล่า หรือฉันควรแก้ไขอย่างไรที่จะสามารถทำงานได้อย่างถูกต้อง แนะนำการทำงานที่สามารถใช้งานได้จริงพร้อมอธิบายแบบละเอียดให้ฉันเข้าใจมันที

[MindPHP Assistant]

ปัญหา `redis.exceptions.ConnectionError: Connection closed by server` หมายความว่าเซิร์ฟเวอร์ Redis ได้ปิดการเชื่อมต่ออย่างไม่คาดคิด มีหลายเหตุผลที่อาจทำให้เกิดปัญหานี้ได้ รวมถึงปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์ Redis, การใช้ทรัพยากรของเซิร์ฟเวอร์, หรือการกำหนดค่าความปลอดภัย.

เพื่อช่วยคุณแก้ไขปัญหานี้ ฉันจะให้แนวทางการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาตามขั้นตอนต่าง ๆ ดังนี้:

### 1. ตรวจสอบการตั้งค่า Redis Server
1. **ตรวจสอบไฟล์กำหนดค่า `redis.conf`**:
- ตรวจสอบว่าพอร์ตที่กำหนดไว้ (โดยทั่วไปคือ `6379`) ถูกต้อง.
- ตรวจสอบการตั้งค่าต่างๆ เช่น `maxclients`, `tcp-keepalive`, หรือ `timeout`.

2. **ตรวจสอบ log ของ Redis**:
- Log file มักจะอยู่ที่ `/var/log/redis/redis-server.log` หรือที่ตั้งค่าไว้ในไฟล์ `redis.conf`.
- ตรวจสอบดูว่ามีข้อความผิดพลาดหรือคำเตือนใดๆ ที่อาจชี้นำถึงสาเหตุของการปิดการเชื่อมต่อ.

### 2. ตรวจสอบการใช้ทรัพยากรของเซิร์ฟเวอร์
1. **ตรวจสอบหน่วยความจำ**:
- ใช้คำสั่ง `free -m` หรือ `top` เพื่อดูการใช้หน่วยความจำ.
- ตรวจสอบว่าเซิร์ฟเวอร์มีหน่วยความจำเพียงพอ.

2. **ตรวจสอบการใช้ CPU และ I/O**:
- ใช้คำสั่ง `top` หรือ `htop` เพื่อดูการใช้ CPU.
- ตรวจสอบว่าไม่มีกระบวนการอื่นที่ใช้ทรัพยากรมากจนเกินไป.

### 3. ตรวจสอบและแก้ไขการตั้งค่าไฟร์วอลล์หรือ Network
1. **ตรวจสอบการตั้งค่าไฟร์วอลล์**:
- ตรวจสอบว่าไม่มีไฟร์วอลล์หรือ security group ใดๆ บล็อคพอร์ตที่ใช้โดย Redis.
- เช่น, ใช้ `ufw status` บน Ubuntu เพื่อดูสถานะของไฟร์วอลล์.

2. **ตรวจสอบการตั้งค่า network**:
- ตรวจสอบว่ามีการตั้งค่า network ที่ถูกต้องและไม่มีการตัดการเชื่อมต่อ.
- ตรวจสอบการตั้งค่าของ `bind` ใน `redis.conf` ว่าตรงกับ IP ที่ต้องการเชื่อมต่อ.

### 4. ตรวจสอบและปรับปรุงการตั้งค่า Client
1. **ตรวจสอบการตั้งค่า client**:
- ตรวจสอบว่ามีการตั้งค่าการ timeout ที่เหมาะสม.
- ตรวจสอบว่ามีการจัดการการเชื่อมต่ออย่างถูกต้อง.

2. **ตรวจสอบ version compatibility**:
- ตรวจสอบว่า version ของ Redis client และ server เข้ากันได้.

### 5. ทดสอบการเชื่อมต่อ
ลองใช้คำสั่งต่อไปนี้เพื่อทดสอบการเชื่อมต่อกับ Redis Server:

โค้ด: เลือกทั้งหมด

sh
redis-cli -h <IP_ADDRESS> -p <PORT>

หากไม่สามารถเชื่อมต่อได้ ให้ตรวจสอบการตั้งค่าต่างๆ อีกครั้ง.

หากคุณยังคงพบปัญหาอยู่ โปรดแสดงรายละเอียดเพิ่มเติมเช่น:
- คำสั่งหรือโค้ดที่คุณใช้งาน
- การตั้งค่าในไฟล์ `redis.conf`
- ข้อความผิดพลาดที่สมบูรณ์จาก log ของ Redis
เพื่อให้สามารถให้คำแนะนำที่แม่นยำมากยิ่งขึ้น.