2023 ฝ้า กระ จุดด่างดำ ต่างกันอย่างไร? พร้อมบอกวิธีการดูแลรักษา

พูดคุยเรื่องทั่วไป จับฉ่าย โหลดโปรแกรม หมวดนี้มีโปรแกรมให้โหลด แนะนำโปรแกรม ให้โหลด โปรแกรม ฟรีต่างๆ แนะนำ ค้นหา ดาวน์โหลดไปใช้ได้จากที่นี่ พุดคุยเรื่องทั่วไปคลายเครียด

Moderator: mindphp, ผู้ดูแลกระดาน

pechevill
PHP Newbie
PHP Newbie
โพสต์: 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 28/03/2023 11:11 am

2023 ฝ้า กระ จุดด่างดำ ต่างกันอย่างไร? พร้อมบอกวิธีการดูแลรักษา

โพสต์ที่ยังไม่ได้อ่าน โดย pechevill »

รูปภาพ

หนึ่งในปัญหาผิวที่สร้างความกังวลใจในหมู่คุณผู้หญิงมากที่สุด คงหนีไม่พ้นเรื่องของ ฝ้า กระ จุดด่างดำ ที่เปรียบเสมือนเป็นหอกคอยทิ่มแทง จนทำให้เสียความมั่นใจในการออกไปพบปะผู้คน เข้าสู่ปี 2023 แล้ว เชื่อว่าหลายคนก็อาจจะสงสัยว่าปัญหา ฝ้า กระ จุดด่างดำ มีความแตกต่างกันอย่างไร แล้วจะดูอย่างไรว่าปัญหาบนใบหน้านี้คืออะไร? ในบทความนี้จะมาช่วยไขข้อสงสัยให้ ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลย

ความแตกต่าง ฝ้า กระ จุดด่างดำ ดูอย่างไร? 
ฝ้า คืออะไร?

ฝ้า ในภาษาอังกฤษเรียกว่า “Melasma” หรือ “เมลาสมา” เกิดจากการที่ผิวหนังมีภาวะการสร้างเม็ดสีหรือเมลานินมากขึ้น มักพบบริเวณที่ร่างกายสัมผัสแสงแดด เช่น ใบหน้า โดยเฉพาะหน้าผาก แก้ม จมูก เหนือริมฝีปากบน และกราม มีวิธีการดูง่ายๆ คือ ฝ้าจะมีลักษณะเป็นแผ่นรอยปื้นๆ มีหลายรูปร่าง หลายขนาด สีน้ำตาลอ่อนจนถึงเข้มตามการเกิดของฝ้าบนชั้นผิวหนังที่ต่างกัน หากเป็นฝ้าที่ชั้นผิวหนังกำพร้าจะเรียกว่า ฝ้าตื้น หากเกิดขึ้นที่ชั้นผิวหนังแท้ จะเรียกว่า ฝ้าลึก จะมีสีน้ำตาลปนเทาเข้ม ซึ่งจะรักษาหายได้ยากกว่าแบบตื้น แต่หากฝ้าเกิดทั้งที่ชั้นผิวหนังกำพร้าและผิวหนังแท้ แบบนี้จะเรียกว่า ฝ้าแบบผสม สามารถกระจายเป็นได้ทั่วใบหน้า

สาเหตุการเกิดฝ้า: ฝ้าสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน แต่หลักๆ แล้วที่พบบ่อยมากที่สุดมักเกิดจากรังสี UV ในแสงแดด เนื่องจากหากผิวได้รับรังสี UV มากขึ้นจนเกิดการสะสมจะเป็นตัวกระตุ้นให้ผิวของเราสร้างเม็ดสีเมลานินมากขึ้นไปด้วย จนเกิดเป็นรอยปื้นสีน้ำตาลหรือฝ้าขึ้น นอกจากนี้ความเครียดและฮอร์โมนก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดฝ้าได้ เช่น การพักผ่อนไม่เพียงพอ ในผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ หรือผู้ที่รับประทานยาคุมกําเนิด ที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เป็นต้น หรือแม้กระทั่งการแพ้เครื่องสำอางบางประเภทก็อาจก่อให้เกิดฝ้าได้เช่นกัน


กระ คืออะไร?

กระ ในภาษาอังกฤษเรียกว่า “Freckles” ซึ่งข้อแตกต่างจากฝ้าก็คือ กระมักจะมีลักษณะเป็นจุดเล็กๆ กลมๆ มีขอบชัดเจน กระจายอยู่ทั่วใบหน้าและร่างกาย สามารถแบ่งออกได้หลายชนิดทั้ง กระตื้น จะเป็นจุดเล็กๆ สีน้ำตาลอ่อน ขอบเขตชัด มักกระจายทั่วร่างกาย มักมีสาเหตุมาจากการออกไปกระทบกับแสงแดดเป็นเวลานาน คล้ายกับฝ้า ที่สามารถจางลงเองได้หากหลีกเลี่ยงจากแสงแดด ผู้ที่มีผิวขาวจะประสบปัญหากระชนิดนี้มากกว่าสีผิวอื่นๆ อาจเกิดขึ้นได้แต่เด็ก ซึ่งก็สามารถรักษาให้หายได้ กระลึก กระอีกชนิดที่พบได้บ่อยมีลักษณะเป็นจุดเล็กๆ สีน้ำตาลเข้มอมเทาดำ มักเกิดในชาวเอเชีย อายุตั้งแต่ 20 ปี และจะมีสีเข้มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป เป็นกระชนิดที่รักษาได้ แต่ต้องใช้เวลานาน กระแดด พบมากในผู้ที่สูงวัย มีลักษณะเป็นจุดวงกลมสีน้ำตาลอ่อน ขอบเขตชัด เกิดกับผิวที่สัมผัสกับแสงแดดสะสม ไม่สามารถจางลงเองได้ จำเป็นต้องได้รับการรักษาที่เหมาะสม กระเนื้อ มีลักษณะนูนคล้ายตุ่มเล็กๆ มีสีน้ำตาลหรือดำ สามารถกระจายอยู่ทั่วร่างกาย มักเกิดจากพันธุกรรมหรือบางครั้งเป็นการเกิดจากกระแดด พบในผู้ที่มีอายุตั้ง 30 ปีขึ้นไป สามารถทำการรักษาได้ แต่จะมีโอกาสกลับมาเป็นได้สูง

สาเหตุการเกิดกระ: จะพบว่าสาเหตุหลักของการเกิดกระนั้น นอกจากแสงแดดจะเป็นตัวกระตุ้นคล้ายกันกับการเกิดฝ้า เช่น กระตื้น กระแดด เป็นต้น กระมักจะเกิดจากพันธุกรรมเป็นส่วนใหญ่ เช่น กระเนื้อ เป็นต้น


จุดด่างดำ คืออะไร?

จุดด่างดำ หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า “Dark Spot” คือ รอยจากการอักเสบของผิวหนังทั้งจากการเป็นสิว และรวมถึงการที่ผิวหนังได้รับบาดเจ็บ ลักษณะของจุดด่างดำมักจะเป็นจุดหรือปื้นสีน้ำตาล เกิดบริเวณเดียวกับที่ผิวหนังเคยมีการอักเสบมาก่อน เช่น มีอาการแดง บวม เจ็บ เป็น

สาเหตุการเกิดจุดด่างดำ: สาเหตุที่ทำให้เกิดจุดด่างดำ ในกรณีที่พบบ่อยคือ มักเกิดขึ้นหลังจากเป็นสิวอักเสบหรือเกิดจากการแกะสิว เพราะการแกะสิวจะทําให้ผิวหนังบาดเจ็บและอักเสบมากขึ้นจนทิ้งไว้เป็นรอยจุดด่างดำนั่นเอง


เมื่อทราบถึงความแตกต่าง ฝ้า กระ จุดด่างดำกันแล้ว เราจะเห็นได้ว่าสาเหตุหลักของทั้งสามปัญหานี้ ล้วนมาจากแสงแดดเป็นตัวกระตุ้นทั้งสิ้น ดังนั้นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นมากๆ หากไม่อยากให้ฝ้า กระ จุดด่างดำมาเกิดขึ้นบนผิวของเรา การป้องกันก่อนเกิดปัญหาจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด การใช้ครีมกันแดดจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพราะการได้ครีมกันแดดที่ดีจะช่วยลดปัญหาที่ต้นเหตุได้ เราขอแนะนำ ครีมกันแดดสลายฝ้า จาก Dr. Anna Skincare มีคุณสมบัติสามารถป้องกันได้ทั้งรังสี UV A และ UV B ด้วยค่า SPF 50 PA +++ รวมถึงสามารถปกป้องผิวจากมลภาวะ สารอนุมูลอิสระ และ PM2.5 มาในรูปแบบสูตรกันน้ำ เหมาะกับประเทศไทยที่ร้อน เหงื่อออกแค่ไหน ก็ไม่เป็นปัญหา เพียงแค่มีตัวช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดแบบนี้ ก็หมดกังวลเรื่องปัญหาผิวตามมาได้เลย หากสนใจสามารถปรึกษาและสั่งซื้อผลิตภัณฑ์จาก Dr. Anna Skincare ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เซรั่มลดรอยสิว, เซรั่มรักษารอยสิว, เซรั่มหน้าใส และอีกมากมาย ผ่าน 5 ช่องทางด้วยกันดังนี้ 

ทางเว็บไซต์ drannaskincare.com

Facebook: Dr.Anna Skincare ครีมดร.แอนน่าลดฝ้ากระ

แอปแชท LINE: Anna Skincare

ช่องทางแอปซื้อของออนไลน์

Shopee: DR.ANNA SKINCARE

Lazada: DR.ANNA SKINCARE

ผู้ใช้งานขณะนี้

สมาชิกกำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และบุคลทั่วไป 137