เมื่อเว็บไซต์เข้าใช้งานไม่ได้ เราจะทำอย่างไร นอกเหนือจากการแจ้งผู้ดูแลระบบ
เจ้าของเว็บไซต์หลายๆ ท่านก็มักจะเจอปัญหาของการใช้งานเว็บไซต์ช้า, เว็บดาวน์, เว็บไซต์เข้าไม่ได้ เป็นต้น เมื่อเจอปัญหาเหล่านี้สิ่งแรกที่เราจะทำก็คือโทรศัพท์หาผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้ง หรือผู้ดูแลเว็บไซต์ของเรา เพื่อให้ช่วยตรวจสอบและแก้ไขปัญหาให้เว็บไซต์ของเราสามารถเก็บมาใช้งานได้อีก ทั้งนี้เราสามารถตรวจสอบได้เองเบื้องต้นว่าจริงๆ แล้วที่เว็บไซต์ของเราเข้าใช้งานไม่ได้นั่นอาจจะเกิดจากสาเหตุเล็กน้อยที่เรานั้นก็สามารถแก้ไขได้เอง ซึ่งบทความนี้จะขอกล่าวถึงการตรวจสอบปัญหาของเว็บไซต์ดาวน์หรือเข้าใช้งานไม่ได้เบื้องต้น ที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองดังนี้
1. ตรวจสอบวันหมดอายุของโดเมนเนม
เพราะโดเมนเนมถือเป็นด่านแรกในการเข้าถึงเว็บไซต์ หากโดเมนเนมหมดอายุก็ทำให้ไม่สามารถเข้าเว็บไซต์ได้ โดยการตรวจสอบทำได้โดยการตรวจสอบข้อมูลวันหมดอายุของโดเมนเนมได้ที่ระบบ WHOIS (ฮู อิส) โดยส่วนมากผู้ให้บริการจดทะเบียนโดเมนเนม (รวมถึงผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งด้วย) จะมีระบบ Whois อยู่ที่หน้าเว็บไซต์อยู่แล้ว ระบบจะโชว์ข้อมูลของโดเมนเนมทั้งหมดและจะมีส่วนของวันหมดอายุโดเมนเนม (Expire date (เอ็กไพร์เดท)) ซึ่งหากตรวจสอบแล้วโดเมนเนมของเราหมดอายุ ก็ให้รีบติดต่อผู้ให้บริการจดทะเบียนโดเมนเนมเพื่อทำการต่ออายุโดเมนเนม เพื่อให้เว็บไซต์ที่ดาวน์ หรือเข้าใช้งานไม่ได้อยู่ สามารถกลับมาใช้งานได้เร็วที่สุด
2. ตรวจสอบวันหมดอายุของบริการเว็บโฮสติ้ง
โดยการตรวจสอบวันหมดอายุบริการเว็บโฮสติ้ง คือการตรวจสอบจากข้อมูลที่ผู้ให้บริการเคยให้ไว้ หรือมีการแจ้งเตือนมาหา เช่น Email แจ้งเตือนวันหมดอายุของบริการ, ตรวจสอบเอกสารที่ตกลงเช่าบริการเว็บโฮสติ้ง ซึ่งในเอกสารนั้นจะแจ้งไว้ว่าเราเริ่มเช่าบริการตั้งแต่วันที่เท่าไหร่ และ วันที่สิ้นสุด เป็นต้น หากตรวจสอบทั้ง 2 ช่องทางแล้วไม่ได้เก็บเอกสาร หรืออีเมลล์ไว้เลย ช่องทางสุดท้ายคือติดต่อสอบถามข้อมูลจากผู้ให้บริการเพื่อสอบถามข้อมูลการเช่าบริการของเรา
3. ตรวจสอบความถูกต้องของการเชื่อมโยงกันระหว่างโดเมนเนม และบริการเว็บโฮสติ้ง
โดยการตรวจสอบค่า DNS ของโดเมนเนม สามารถดูได้ที่ระบบ Whois โดยค่า DNS ของโดเมนเนมเราจะต้องเป็นค่า DNS ของผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งที่เราใช้บริการอยู่ โดยเราสามารถตรวจสอบค่า DNS ที่ถูกต้องได้โดยการดูจากข้อมูลที่ผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งจัดส่งให้เมื่อตอนเราสมัครใช้บริการ หรือติดต่อสอบถามไปที่ผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งโดยตรง หากค่า DNS ของโดเมนเนมไม่ใช่ของผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งที่เราใช้บริการอยู่ ก็จะทำให้โดเมนเนมไม่สามารถเรียกข้อมูลเว็บไซต์ได้
4. ตรวจสอบการทำงานของเครื่องเซิร์ฟเวอร์
สำหรับวิธีนี้จะเป็นขั้นตอนสุดท้าย หากเราทำการตรวจสอบตามวิธีที่ 1-3 จนครบถ้วนแล้ว เว็บไซต์ของเราก็ยังไม่สามารถเข้าใช้งานได้ เราจึงจำเป็นต้นตรวจสอบการทำงานของเครื่องเซิร์ฟเวอร์เบื้องต้น ว่าเครื่องเซิร์ฟเวอร์ของเรายังคงทำงานอยู่หรือไม่ โดยทำการ PING IP เครื่องเซิร์ฟเวอร์ว่ามีการตอบสนองหรือไม่ โดยการใช้โปรแกรม Command prompt ของ Windows พิมพ์คำว่า ping เว้นวรรคและตามด้วยชื่อโดเมนเนมของเรา (กรณีนี้ต้องตรวจสอบแล้วว่าโดเมนเนมไม่หมดอายุ) แล้วกด Enter หลังจากนั้นจะมีการตอบกลับจากเครื่องเซิร์ฟเวอร์ โดยการตอบกลับโดยจะแจ้ง IP ของเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่เราใช้บริการเว็บโฮสติ้งอยู่ จากนั้นจะเป็นการแจ้งข้อมูลว่าเครื่องเซิร์ฟเวอร์ใช้เวลาในการตอบกลับเท่าไหร่ แต่หากระบบโชว์ข้อความว่า “Request timed out” ให้สันนิฐานว่าเครื่องเซิร์ฟเวอร์อาจมีปัญหาจึงไม่มีการตอบกลับการ ping ของเรา
ทั้งนี้จากวิธีที่กล่าวมาข้างต้น ยังไม่ใช่วิธีการตรวจสอบทั้งหมดที่สามารถทำได้ แต่เป็นเพียงวิธีตรวจสอบเบื้องต้นเท่านั้นที่จะตรวจสอบหาสาเหตุของเว็บไซต์ที่ไม่สามารถใช้งานได้ หากเราไม่มั่นใจในกระบวนการตรวจสอบหรือการตรวจสอบด้วยตนเอง วิธีที่ดีที่สุดควรที่จะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หรือแจ้งผู้ดูแลระบบของเราให้ทำการตรวจสอบและหาทางแก้ไขให้เว็บไซต์ของเราสามารถกลับมาใช้งานได้เร็วที่สุด
ภาพประกอบบทความ: http://youmegeek.com/seo