ปัจจัยที่สำคัญที่มักนำมาใช้ในอุตสาหกรรมการขนส่งคือความเชื่อมโยงของระบบธุรกิจ--{mlinkarticle--}การขนส่งและระบบรถยนต์บรรทุกขนส่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งของสินค้าได้ดี องค์ประกอบในการขนส่งมี 6 อย่างดังนี้ เพื่อช่วยให้การขนส่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น เรามาดูกันครับว่ามีอะไรกันบ้าง
- Vehicle-to-Infrastructure (V2I) Communication
เป็นการเชื่อมต่อระหว่างรถยนต์บรรทุกกับเทคโนโลยีพื้นฐานต่างๆของระบบ เช่น ระบบ GPS ระบบตรวจจับตำแหน่งของรถบรรทุกและระบบตรวจจับตำแหน่งบนท้องถนน ที่จะช่วยในการตรวจสอบการจราจรที่แออัดให้มีความปลอดภัยในการขนส่งมากยิ่งขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งการที่นำเทคโนโลยีพื้นฐานมาใช้จะช่วยให้ผู้ขับขี่ได้รับรู้ข้อมูลต่างๆแบบอัตโนมัติในด้านการติดขัดของจราจรรวมถึงการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนและเทคโนโลยีพื้นฐานยังช่วยแนะนำสถานที่จอดรถใกล้เคียงกับจุดที่เราต้องการพักมากที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการพักผ่อนจากการขับรถแล้วรู้สึกเมื่อยหล้า
- Vehicle-to-Vehicle (V2V) Communication
การเชื่อมโยงด้วยระบบติดต่อสื่อสารระหว่างรถยนต์บรรทุกด้วยกันในขณะที่ออกไปให้บริการบนท้องถนน เพื่อช่วยลดความเสี่ยงและช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนและยังช่วยแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับการจราจรต่างๆ รวมทั้งการช่วยแบ่งปันตำแหน่งเส้นทางการเดินรถจากการติดตั้งระบบควบคุมการขับขี่และระบบการหลบหลีกการชนและระบบเรดาร์ เพื่อที่จะช่วยลดความเสี่ยงทางอุบัติเหตุและยังช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงของรถยนต์บรรทุกด้วย
- Remote Diagnostics
เทคโนโลยีควบคุมรถยนต์บรรทุกทางไกลด้วยอุปกรณ์ทางเทคนิค จะช่วยในเรื่องของการดูแลรักษารถให้มีประสิทธิภาพปลอดภัยและช่วยลดการใช้รถโดยไม่จำเป็นแถมช่วยลดต้นทุนการดูแลรักษาการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับสภาพรถด้วย อีกทั้งยังสามารถนำข้อมูลที่จัดเก็บได้มาใช้ในการวิเคราะห์ ให้กับโรงงานผลิตเผื่อที่จะสามารถสร้างการควบคุมทางไกลผ่านเครื่องมืออีเล็กทรอนิกส์ได้ด้วยข้อมูลทางเทคนิคของรถยนต์บรรทุก จะสามารถสร้างการควบคุมของตัวมันเองได้โดยการใช้ข้อมูลการบำรุงรักษาที่เป็นปัจจุบัน
- Autonomous driving
เทคโนโลยีรถยนต์บรรทุกขับเคลื่อนด้วยตัวเอง เป็นเทคโนโลยีที่ทำงานผสมผสานกันระหว่างเรดาร์กับเลเซอร์ตรวจจับในระยะสั้นและระยะยาว ผ่านกล้องเซ็นเซอร์ ในอุปกรณ์ทางเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนระบบการขนส่งไปสู่ยุคที่รถยนต์บรรทุกสามารถขับเคลื่อนได้ด้วยตัวมันเองหรือไร้คนขับ เป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่ของวงการอุตสาหกรรมการขนส่ง
- The Integrated Supply Chain
มีความเชื่อมโยงกันของข้อมูลด้านโลจิสติก โดยผู้ให้บริการขนส่งสินค้าจะส่งสินค้าจากโรงงานผลิตสู่คลังเก็บสินค้าและจากคลังเก็บสินค้าสู่ผู้จัดจำหน่ายและจากผู้จำหน่ายไปยังลูกค้าที่ต้องการใช้สินค้า แต่เมื่อใดที่ลูกค้าส่งคำสั่งซื้อสินค้าไปยังโรงงานผู้ผลิต โรงงานผู้ผลิตจะสามารถส่งข้อมูลการส่งสิ้นค้าให้แก่ผู้ลูกค้าได้ทันที หากมีปัญหาด้านการจัดส่งจะมีระบบที่สามารถตรวจสอบและปรับเปลี่ยนการขนส่งสินค้าใหม่และเวลาให้แก่ลูกค้าในทันที
- Automated Freight Matching
ใช้การสื่อสารข้อมูลระหว่างระบบการบริหารจัดการที่รวดเร็วกับผู้จัดส่งสินค้า ด้วยระบบการจัดเก็บข้อมูลและการจับคู่ของระบบขนส่งแบบอัตโนมัติ จะทำให้สามารถรู้ได้ว่ารถบรรทุกจะบรรทุกสินค้าได้มากน้อยแค่ไหนโดยจะใช้ระบบเซ็นเซอร์ในการตรวจสอบและยังทำให้รู้ว่าเหลือพื้นที่ด้านในของรถยนต์บรรทุกที่สามารถรับน้ำหนักได้เพียงพอมากน้อยแค่ไหนแถมมีบริการจัดส่งสินค้าที่แม่นยำตามกำหนดด้วย
สรุปได้ว่า ในการเชื่อมโยงของระบบขนส่งด้วยรถยนต์บรรทุกที่ผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของระบบการส่งสินค้าซึ่งจะต่างจากการขนส่งสินค้าในปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง แต่ในความสามารถของการเชื่อมโยงระหว่างเทคโนโลยีกับระบบโลจีสติกทำให้ง่ายต่อการจับคู่ของระบบการขนส่งสินค้า ให้เกิดความลื่นไหล และ สามารถทำให้ระบบขนส่งใช้งานได้ง่ายขึ้น เป็นสิ่งที่สามารถนับมาปรับใช้ในการทำงานทางด้านขนส่งได้ดี อีกทั้งมีส่วนช่วยในการลดต้นทุนในด้านต่างๆ ที่มีโอกาสลดต้นทุนให้กับองค์กร ในด้านการขนส่ง
อ้างอิง
- 6 เทคโนโลยีล้ำหน้าที่จะเปลี่ยนโฉมระบบขนส่ง, [ออนไลน์], เข้าถึงได้จาก https://www.360truck.co/blogs/360truck/six-technologies/
- นวัตกรรมที่เปลี่ยนโลกธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์, [ออนไลน์], เข้าถึงได้จาก https://www.tot.co.th/sme-tips/SME-tips/2020/06/30/5-นวัตกรรมที่เปลี่ยนโลกธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์
- 8 เทรนด์เทคโนโลยีอนาคตธุรกิจ Logistics, [ออนไลน์], เข้าถึงได้จาก https://www.oga.co.th/blogs/8-logistics-tech-trends/